(เชื้อรา Colletrichumgloeosporioides, ColletrichumCapsici)
เตือนเกษตรกรผู้ปลูกพืชตระกูลพริก
สภาพแวดล้อม/สภาพอากาศที่เกิดในช่วงเวลานี้
อากาศร้อน มีฝนตก และฝนตกหนักบางพื้นที่
ระยะการเจริญเติบโตของพืชในช่วงนี้
ทุกระยะการเจริญเติบโต
ข้อสังเกตลักษณะ/อาการที่อาจพบ
โรคนี้มักพบบนผลพริกที่เริ่มสุก หรือก่อนที่ผลพริกจะเปลี่ยนสี อาการเริ่มแรกเป็นจุดหรือแผลช้ำยุบตัวเล็กน้อย ต่อมาแผลขยายใหญ่ลักษณะเป็นวงรีหรือวงกลม บริเวณแผลพบส่วนของเชื้อราเป็นตุ่มสีดำขนาดเล็กเรียงเป็นวงซ้อนกัน ในสภาพอากาศที่ชื้นจะเห็นเมือกเยิ้มสีส้มอ่อน ซึ่งเป็นกลุ่มสปอร์ของเชื้อราสาเหตุโรค ถ้าอาการรุนแรงจะทำให้ผลเน่า ผลพริกที่เป็นโรคนี้จะโค้งงอบิดเบี้ยว ลักษณะคล้ายกุ้งแห้ง และร่วงหล่นก่อนเก็บเกี่ยว
แนวทางการป้องกัน/แก้ไข ดังนี้
๑. เลือกซื้อเมล็ดพันธุ์ หรือต้นกล้า จากแหล่งแหล่งที่ปราศจากโรค หรือถ้าเก็บเมล็ดพันธุ์เองต้องเลือกจาก ผลพริกที่ไม่เป็นโรค
๒. ควรแช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำอุ่น 50 องศาเซลเซียส นาน 20-30 นาที ก่อนเพาะ
๓. จัดระยะปลูกพริกให้เหมาะสม ไม่ปลูกชิดกันเกินไป และกำจัดวัชพืชในแปลงปลูกเพื่อไม่ให้แปลงปลูก มีความชื้นสูง ซึ่งเป็นสภาพที่เหมาะสมต่อการเกิดโรค
๔. หมั่นตรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบผลพริกเป็นโรค เก็บนำไปทำลายนอกแปลงปลูก เพื่อลดปริมาณเชื้อสาเหตุโรค
5. หากพบว่ามีการระบาดของโรค พ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น อะซอกซีสโตรบิน 25% เอสซี อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ แมนโคแซบ 80% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 40-50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ โพรคลอราช 50% ดับเบิ้ลยูพี่ อัตรา 20-30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 7-10 วัน
6. ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรครุนแรงควรปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียน เพื่อตัดวงจรของโรค
อ้างอิงจาก: คณะทำงานพยากรณ์และเตือนภัยศัตรูพืช กรมวิชาการเกษตร
ประชาสัมพันธ์โดย กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรพื้นที่กรุงเทพมหานคร